Phu-Kradueng-National-Park

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ธรรมชาติที่คุณถามหา

ประเทศไทยเรานี้ถือว่าดีมากเรื่องสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เพราะไทยเรามีเยอะและหลากหลายมากทั้งภูเขา และทะเล เรามีหมดหากจะเป็นภูเขาก็ต้องขึ้นไปทางเหนือ หรือ อีสานก็จะมีหลายภูเขาที่เรามักจะเรียกกันสั้นๆว่า ภูแล้วต่อท้ายด้วยชื่อของมันเอง หนึ่งในภูที่โด่งดังสุดในหมู่นักท่องเที่ยวหนุ่มสาวก็คือ ภูกระดึง เราอาจจะเคยได้ยินชื่อ แต่รู้หรือไม่ว่าบนนั้นมีอะไร อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตั้งอยู่ในเขตอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย อุทยานแห่งนี้ถูกจัดตั้งขึ้นเป็นป่าสงวนแห่งชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486 และพัฒนาเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ.2502 มีพื้นที่ทั้งหมดโดยประมาณ 348.12 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศเป็นภูเขาแบบหินทรายตัด ข้างบนภูเขานั้นจะมีที่ราบเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร ภูกระดึงหากวัดจากระดับน้ำทะเลจะมีความสูงอยู่ที่ 400-1,200 เมตร จุดสูงสุดของภูกระดึงเรียกว่า คอกเมย สูง 1,316 เมตร

Phu-Kradueng-photo

ประวัติของภูกระดึง

การค้นพบภูกระดึงนั้น เล่าต่อกันมาว่า พรานป่าคนหนึ่งได้พยายามล่ากระทิงตัวหนึ่งที่หลบหนีขึ้นไปอยู่บนภูเขา จากนั้นพอนายพรานป่าตามไปก็พบว่าบนภูเขาลูกนั้นมีพืชพันธุ์ดอกไม้สวยงามมาก ทั้งยังมีที่ราบอีกด้วย (ส่วนใหญ่ภูเขาจะไม่มีที่ราบมากนัก) เมื่อลงมาก็บอกเล่าปากต่อปากกับคนในพื้นที่ทำให้ชื่อของภูกระดึงเป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นมา อีกหนึ่งประวัติก็คือ ภูกระดึงได้รับการสำรวจทางภูมิศาสตร์ สภาพแวดล้อม จากพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม จากนั้นทางการจึงได้ออกกฎหมายเพื่อทำเป็นป่าสงวนขึ้นมา แต่ทำได้ไม่นานเนื่องจากงบประมาณและเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จึงหยุดไป จนกระทั่งมาฟื้นฟูอีกครั้งเพื่อทำเป็นอุทยานแห่งชาติในเวลาต่อมา

ที่มาของชื่อ

คำว่าภูกระดึง สันนิษฐานว่า มาจากคำว่า ภู แปลว่า ภูเขา คำว่า กระดึง มาจากคำว่า กระดิ่งที่เป็นภาษาท้องถิ่นของเมืองเลย รวมกันแล้วแปลว่าภูเขากระดิ่ง มีเรื่องเล่าว่าในวันพระชาวบ้านจะได้ยินเสียงระฆัง เสียงกระดิ่งออกมาจากภูเขาลูกนี้ เชื่อกันว่าเป็นเสียงระฆังของพระอินทร์ อีกหนึ่งตำนานเล่าว่าชื่อภูกระดึง มาจากเส้นทางเดินบนภูเขาบางส่วนหากเดินกระแทกแรงๆ หรือใช้ไม้กระทุ้งจะเกิดเสียงก้องกังวานจากโพรงข้างใต้ภูเขาจนเหมือนเสียงสะท้อนของกระดิ่ง ระฆัง

บนนั้นมีอะไร

คำถามสำคัญที่คนไม่เคยไปอาจจะไม่รู้ก็คือ การไปเที่ยวภูกระดึงนั้นไปดูอะไร คำตอบก็คือ บนนั้นจะเต็มไปด้วยพืชพรรณไม้นานาชนิด สวยงามมาก อีกทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยสีเขียวสดชื่นทำให้เรารู้สึกเหมือนกับได้รับพลังงานจากธรรมชาติ ตอนกลางคืนพักผ่อนอยู่บนลานกว้าง ตั้งเต็นท์มองดูดาวบนท้องฟ้าด้วยกัน พอเช้ามืดก็มาดูทะเลหมอกในตอนเช้า พร้อมกับเดินสำรวจธรรมชาติ เพียงแค่นี้ก็ถือว่าเป็นทริปที่ประทับใจได้เลย

About the author: admin